Pages

Friday, January 29, 2010

From Lip Service to Live Service


[Previous] ... < Strategy < Performance > Measure > ... [Next]


สังคมมนุษย์ถึงแม้ว่าจะมีความพัฒนาก้าวหน้าในเรื่องของเทคโนโลยีมากมายเพียงใด แต่จิตใจมนุษย์เรากลับถดถอยต่ำลง อาจเกี่ยวเนื่องมาจากกิเลสทางวัตถุหรือปัจจัยของเงิน ที่สามารถทำให้เกิดเรื่องราวไม่คาดคิดเกิดขึ้นในสังคมได้ทุกเมื่อเชื่อวัน อาทิ อาชญากรรม โจรกรรม อุบัติเหตุ หรือคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่เราสามารถรับรู้ได้จากสื่อต่างๆ เราได้รับคำสอนให้มีสติจะเกิดปัญญา แต่ขณะนี้มีเงินแล้วจะมาถึงสติตามด้วยปัญญา และสิ่งสำคัญที่ขาดหายไปคือการที่เราได้ละเลยหรือแม้กระทั่งลืมในหน้าที่ที่ตนเองนั้นได้รับผิดชอบอยู่

พฤติกรรมของคนในสังคม เรียกได้ว่าเป็นพฤติกรรมความเคยชิน ที่วันๆ นั้นได้ดำเนินชีวิตไปอย่างสบายอารมณ์โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงสิ่งรอบข้างที่กำลังจะหมดไป เห็นได้ชัดเจนว่าคนส่วนใหญ่มักจะเอาแต่คิดและพูดเพียงเท่านั้น โดยปราศจากการลงมือทำหรือนำมาปฏิบัติ อย่างที่กล่าวมาคนจำนวนมากสามารถคิดหรือแม้กระทั่งรู้อยู่แก่ใจในการที่จะทำความดี แต่การที่จะริเริ่มปฏิบัตินั้นเป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้ไม่ง่ายนัก อาจจะมีปัญหามาจาก อาการเขินอาย กลัวที่จะถูกกล่าวหาว่าเป็นการสร้างภาพพจน์ให้กับตนเอง การที่ไม่มีผู้สนับสนุน การขาดกำลังทรัพย์ หรือการที่คนเราไม่เห็นอีกฝ่ายหนึ่งทำก็ไม่คิดที่จะเริ่มปฏิบัติ ถ้ามีการปลูกฝังทั้งคุณธรรม จริยธรรม และหน้าที่พลเมืองที่ดี เข้าไปในแต่ละตัวบุคคลและเริ่มปฏิบัติโดยไม่เกี่ยงกัน จะสามารถส่งผลให้สังคมมีความสุขได้มากเพียงใด

การทำ CSR ออกสื่อประชาสัมพันธ์เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้มาสนใจในตัวผลิตภัณฑ์และตัวองค์กรธุรกิจ มีให้เห็นตามโฆษณาอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะการหักสตางค์ออกจากตัวสินค้าเพื่อนำไปบริจาค หรือทำการปลูกป่า แต่ถามว่ามีใครตามไปติดตามผลการดำเนินการหลังจากนั้นรึไม่ แล้วจะหาข้อสรุปได้อย่างไรว่าองค์กรได้ไปทำประโยชน์เพื่อสังคมจริง องค์กรธุรกิจส่วนใหญ่มักจะหยิบเอาคำๆ นี้ ไปใช้อ้างในทางที่ไม่ถูกนักตามกระแส เพราะคำนึงถึงแต่จะเพิ่มผลกำไรให้กับตนเอง โดยทำการประชาสัมพันธ์กันใหญ่โต แต่ข้อมูลจริงๆ กลับลงมือทำเพื่อสังคมเพียงไม่เท่าไร การที่ทำแบบนี้ส่งผลในระยะยาวที่ว่าสาธารณชนอาจจะเกิดข้อสงสัยในตัววัตถุประสงค์ของตัวองค์กรธุรกิจในภายหลังได้ การลงมือทำที่ว่ายากนั้นเพราะคนส่วนใหญ่คิดแต่ว่าการที่จะริเริ่มลงมือทำอะไรมักจะหวังซึ่งผลตอบแทนและผลประโยชน์ที่จะได้กลับมาอยู่เสมอจึงทำให้ไม่มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นในสังคมซักที และได้เข้าไปเกี่ยวเนื่องกับหัวข้อนี้ที่ว่า คนเรามักจะดีแต่คิดและพูด แต่จะให้เปลี่ยนมาเป็นการกระทำให้ดีนั้นจะต้องทำอย่างไร

การที่จะมีความรับผิดชอบหรือการทำ CSR อย่างถูกต้องได้นั้นขณะนี้ถึงเวลาที่ควรจะหันกลับมามองและคิดทบทวนแล้วว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเราคืออะไร เรารู้ดีอยู่แก่ใจว่าเราได้ทำความเดือดร้อนอะไรไว้กับสิ่งแวดล้อมและคนรอบข้างมากแค่ไหน เราจะเอาแต่คิดและพูดแล้วยืนอยู่เฉยๆ รอให้คนอื่นเริ่มทำแบบนั้นดีแล้วหรือเราสมควรที่จะลงมือทำเพื่อสิ่งรอบข้างตั้งแต่บัดนี้เพื่ออนาคตของพวกเราทุกคน


[Previous] ... < Strategy < Performance > Measure > ... [Next]

No comments:

Post a Comment