ความยั่งยืนในห่วงโซ่ธุรกิจ
วันนี้ องค์กรธุรกิจได้นำคำว่า ‘ความยั่งยืน’ (Sustainability) มาใช้ในหลายบริบท ทั้งในระดับองค์กร ที่คำนึงถึงเฉพาะความสามารถขององค์กรในการตอบสนองต่อความจำเป็นทางธุรกิจในปัจจุบัน และมีความคล่องตัวและการจัดการเชิงยุทธศาสตร์ที่ทำให้องค์กรมีความพร้อมต่อธุรกิจ ตลาด และสภาพแวดล้อมการดำเนินงานในอนาคต
และในระดับที่กว้างถัดมา คือ ความยั่งยืนที่ครอบคลุมในระดับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) หรือในระดับห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ที่ขยายการคำนึงถึงปัจจัยภายนอกองค์กรที่แวดล้อมอยู่รายรอบองค์กร ซึ่งก็ยังเป็นไปเพื่อเสริมหนุนขีดความสามารถขององค์กรในการตอบสนองต่อประเด็นทางธุรกิจเป็นสำคัญ แต่ได้ถ่ายทอดอิทธิพลให้องค์กรข้างเคียงในห่วงโซ่ธุรกิจได้ดำเนินความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม ไปจนถึงความยั่งยืนในระดับที่กว้างสุด คือ ความยั่งยืนของสังคมโดยรวม ที่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับองค์กรหรือหน่วยงานในภาคส่วนอื่นๆ เพิ่มเติม
ความยั่งยืนในห่วงโซ่ธุรกิจขององค์กร โดยทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้เสียที่เป็นผู้ส่งมอบ ผู้ป้อนวัสดุอุปกรณ์ แรงงานในองค์กร ลูกค้า ผู้จัดส่ง ผู้จัดเก็บ ผู้จัดจำหน่าย ชุมชนท้องถิ่น ฯลฯ โดยสามารถจำแนกออกเป็นฝั่งต้นน้ำ ฝั่งปลายน้ำ และภายในตัวองค์กรซึ่งมีพนักงานที่สามารถเป็นได้ทั้งลูกค้าและสมาชิกหนึ่งของชุมชนด้วย
การพิจารณาความเกี่ยวข้องของผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่ธุรกิจ ควรคำนึงถึงผลกระทบที่มีนัยสำคัญอันเกิดจากการดำเนินงานขององค์กร โดยข้อพิจารณาที่สำคัญ คือ กิจกรรมขององค์กร ผลิตภัณฑ์ บริการ และความเกี่ยวโยงในห่วงโซ่ธุรกิจ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมกับผู้มีส่วนได้เสียเหล่านั้น หน่วยงานที่องค์กรมีส่วนแห่งความเป็นเจ้าของ อาทิ กิจการใหญ่ กิจการย่อย กิจการร่วมค้า ฯลฯ ความเกี่ยวโยงกับคู่ค้าในฝั่งต้นน้ำและปลายน้ำทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมถึงกิจกรรมและความเกี่ยวโยงในรูปแบบอื่นระหว่างองค์กรกับผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ รวมถึงกลุ่มบุคคลที่มิใช่หน่วยงานของรัฐ และปัจเจกบุคคล
องค์กรอาจนำแนวทางหรือข้อมูลการระบุผู้มีส่วนได้เสียที่มีอยู่มาใช้สำหรับการพิจารณาความเกี่ยวข้องของผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่ธุรกิจ โดยคำนึงถึงประสิทธิผลสูงสุด ที่สมควรตามเหตุปัจจัยและความมุ่งหมาย โดยที่องค์กรหนึ่งๆ อาจมีหลายห่วงโซ่คุณค่าเพื่อรองรับกิจกรรม ผลิตภัณฑ์ และบริการที่หลากหลายขององค์กร
ทั้งนี้ การพิจารณาความเกี่ยวข้องของผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่ธุรกิจ องค์กรอาจมีการดำเนินการอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าได้ครอบคลุมผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญ เนื่องจากเงื่อนไขและสิ่งที่องค์กรดำเนินการมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา โดยผลลัพธ์ที่ได้ คือ ภาพในลักษณะองค์รวมของห่วงโซ่ธุรกิจที่องค์กรสามารถระบุได้ถึงความเกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้เสียและผลกระทบในส่วนต่างๆ ของห่วงโซ่ธุรกิจ
บริบทความยั่งยืนในห่วงโซ่ธุรกิจ จะมุ่งเน้นถึงความจำเป็นของการพิจารณาผลกระทบด้านความยั่งยืน ความเข้าใจในผลกระทบที่เกิดจากองค์กร และการพึ่งพิงทรัพยากรที่องค์กรได้รับจากระบบนิเวศ ซึ่งเป็นเหตุให้องค์กรจำเป็นต้องใช้ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ อาทิ งานวิจัยและการพยากรณ์แนวโน้มเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เป้าหมายและตัวบ่งชี้ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ปรากฏในนโยบายสาธารณะที่เกี่ยวข้องในระดับประเทศและระหว่างประเทศ เงื่อนไขทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในแหล่งดำเนินงานขององค์กร รวมทั้งสมรรถนะการดำเนินงานขององค์กรในเรื่องนั้นๆ เมื่อเทียบกับองค์กรอื่น มาเสริมการพิจารณาบริบทความยั่งยืน
นอกจากนี้ องค์กรควรใช้ข้อมูลการวิเคราะห์ผลกระทบที่มีนัยสำคัญทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม มาประกอบการพิจารณาทบทวนบริบทความยั่งยืนในห่วงโซ่ธุรกิจ เช่น ขนาดของผลกระทบและนัยที่มีต่อการดำเนินงานในปัจจุบันและในอนาคต การเปรียบเทียบผลกระทบตามมาตราส่วน ตามเกณฑ์สัมบูรณ์ ตามขีดจำกัดระหว่างสากลและท้องถิ่น ผลที่ตามมาจากผลกระทบ ปริมาณและชนิดของผลที่เกิดขึ้น (ทั้งบวกและลบ) รวมทั้งผลกระทบภายนอก (Externalities) ความรุนแรงของผลกระทบที่สะสมเพิ่มขึ้นตามช่วงเวลา และการวิเคราะห์ผลกระทบที่มีนัยสำคัญเชิงสัมพัทธ์และเชิงสัมบูรณ์ขององค์กรที่มีต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในภาพรวม
การพิจารณาบริบทความยั่งยืนในห่วงโซ่ธุรกิจ ถือเป็นข้อต่อสำคัญที่ทำให้องค์กรสามารถขยายขอบเขตการดำเนินงานเพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนที่จำกัดวงอยู่ในระดับองค์กร ไปสู่การพัฒนาที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนของสังคมโดยรวมได้ในที่สุด
[Original Link]