สร้างองค์กรยั่งยืน ด้วยกรอบการรายงานระดับโลก GRI
เมื่อเร็วๆ นี้ สถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดงานเสวนาตามรอยการประชุมระดับโลกว่าด้วยการรายงานและความยั่งยืน ในหัวข้อ “GRI Global Conference Debrief on Sustainability and Reporting” ถอดรหัสการสร้างองค์กรยั่งยืน ด้วยกรอบการรายงานสากลฉบับใหม่ล่าสุด ที่พัฒนาขึ้นโดยองค์การแห่งความริเริ่มว่าด้วยการรายงานสากล (Global Reporting Initiative: GRI)
การเสวนาในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันประสบการณ์ รวมทั้งถ่ายทอดข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้แก่ผู้ที่สนใจ จากการที่สถาบันไทยพัฒน์ ในฐานะที่เป็นผู้มีส่วนได้เสียภาคองค์กร (Organizational Stakeholder) และเป็นหุ้นส่วนฝึกอบรมที่ได้รับการรับรอง หรือ Certified Training Partner ของ GRI ในประเทศไทย ได้เดินทางไปร่วมการประชุมระดับโลกว่าด้วยการรายงานและความยั่งยืน (Global Conference on Sustainability and Reporting) ณ กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 22-24 พฤษภาคม 2556 โดยมีผู้เข้าร่วมงานราว 1,600 คน จากเกือบ 70 ประเทศทั่วโลก
GRI เป็นองค์กรอิสระที่ก่อตั้งโดยสำนักงานโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) และเครือข่าย Ceres ทำหน้าที่พัฒนากรอบการรายงานแห่งความยั่งยืนและนำออกเผยแพร่เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2543 ซึ่งเรียกว่า ฉบับ G1
ถัดจากนั้น ในปี พ.ศ.2545 GRI ได้ประกาศแนวทางการรายงานในฉบับ G2 ที่เวทีการประชุมสุดยอดโลกว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่นครโจฮันเนสเบอร์ก และตามมาด้วยฉบับ G3 ในปี พ.ศ.2549 อันเป็นผลจากการยกร่างของบรรดาผู้เชี่ยวชาญกว่า 3,000 คน ทั้งจากภาคเอกชนและภาคประชาสังคมและผู้แทนภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วม กรอบการรายงานฉบับดังกล่าวได้กลายมาเป็นมาตรฐานตามความนิยม (de facto standard) สำหรับการรายงานแห่งความยั่งยืน และถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยได้มีการปรับปรุงเป็นฉบับ G3.1 ในปี พ.ศ.2554
ล่าสุด เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา GRI ได้ยกระดับกรอบการรายงานแห่งความยั่งยืนเป็นฉบับ G4 และได้ใช้เวทีประชุมระดับโลกที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประกาศแนวทางการรายงานฉบับใหม่นี้ โดยได้มีการปรับปรุงจากฉบับ G3.1 ที่ใช้อ้างอิงกันอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงถูกใช้อ้างอิงโดยบริษัทในประเทศไทยที่ได้จัดทำรายงานแห่งความยั่งยืนหรือรายงานความรับผิดชอบต่อสังคมตามกรอบ GRI ด้วย
“รายงานแห่งความยั่งยืน (Sustainability Report) เป็นรายงานที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์การดำเนินงาน การกำกับดูแล แนวการบริหารจัดการ และผลการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ที่สะท้อนทั้งในทางบวกและทางลบ โดยมุ่งเป้าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” นายพิพัฒน์ ยอดพฤติการ ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์ กล่าวในการเสวนา
ปัจจุบัน มีองค์กรทั่วโลกที่จัดทำรายงานแห่งความยั่งยืนตามกรอบของ GRI แล้วมากกว่า 5,000 แห่ง โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคต่างๆ
โดยจากการสำรวจข้อมูลผลการดำเนินงานของบริษัทที่มีการจัดทำรายงานแห่งความยั่งยืน พบว่า สามารถให้ผลตอบแทนอยู่เหนือกลุ่มบริษัทที่อยู่ในดัชนีอย่าง MSCI World และ S&P 500 ตลอดช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
หัวใจของการรายงานความยั่งยืนตามกรอบ GRI มิได้อยู่ที่การจัดทำเพื่อให้ได้เล่มรายงานเป็นผลลัพธ์หลัก แต่เป็นการใช้กระบวนการของการจัดทำรายงานมาสร้างคุณค่าให้แก่องค์กรในบริบทของความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับความครอบคลุมผู้มีส่วนได้เสียของกิจการ ที่ไม่จำกัดเฉพาะการสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นหรือนักลงทุน แต่ยังรวมถึงลูกค้า คู่ค้า ผู้ส่งมอบ ชุมชน สิ่งแวดล้อม และสังคมโดยรวม
โดยเรื่องใหม่ที่ได้มีการปรับปรุงในฉบับ G4 คือ การปรับปรุงการเปิดเผยข้อมูลในหัวข้อการกำกับดูแล จริยธรรมและความสุจริต ห่วงโซ่อุปทาน การต่อต้านทุจริต และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงรูปแบบสามัญของการเปิดเผยแนวการบริหารจัดการที่ได้รับการปรับปรุงใหม่โดยให้ความสำคัญในระดับประเด็น (Aspects)
อีกเรื่องหนึ่งที่ถูกรื้อและปรับโฉมโดยสิ้นเชิง คือ การเปิดเผยระดับของการรายงาน ที่แต่เดิมกำหนดเหมือนเกรด A, B, C ทำให้เกิดความสับสนว่า เป็นการบ่งบอกถึงคุณภาพของการรายงาน หรือผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน แทนที่จะเป็นปริมาณหรือระดับของการเปิดเผยข้อมูลในรายงานตามแนวทาง GRI โดยในฉบับ G4 นี้ จะใช้การระบุว่า เป็นไปตามหลักเกณฑ์ (‘in accordance’ criteria) แนวทางการรายงานของ GRI ในแบบหลัก (Core) หรือแบบรวม (Comprehensive) แทนวิธีการเดิม
ความแตกต่างระหว่างหลักเกณฑ์ทั้งสองแบบ ได้แก่ การเปิดเผยข้อมูลทั่วไปในแบบรวม จะเพิ่มรายละเอียดของกลยุทธ์และการวิเคราะห์ การกำกับดูแล จริยธรรมและความสุจริต มากกว่าในแบบหลัก ส่วนการเปิดเผยข้อมูลจำเพาะ ทั้งสองแบบกำหนดให้เปิดเผยแนวการบริหารจัดการเฉพาะประเด็นที่มีสาระสำคัญเท่านั้น
ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลตามตัวบ่งชี้การดำเนินงาน ในแบบหลัก ให้เปิดเผยอย่างน้อย 1 ตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเด็นซึ่งถูกระบุว่ามีสาระสำคัญ ส่วนในแบบรวม ต้องรายงานครบทุกตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเด็นซึ่งถูกระบุว่ามีสาระสำคัญดังกล่าว
ส่วนการรับประกันแบบรายงานจากภายนอก (External Assurance) เพื่อเพิ่มเครื่องหมาย ‘ + ’ ต่อหลังเกรดตามแนวทางการรายงานในฉบับ G3 หรือ G3.1 นั้น ในฉบับ G4 นี้ ได้ยกเลิกไปพร้อมกับการให้เกรดเช่นกัน แต่ในตารางดัชนีข้อมูล (Content Index) ได้เพิ่มสดมภ์ (Column) เพื่อให้ระบุว่าข้อมูลที่เปิดเผยส่วนใดบ้าง ได้รับการประกันจากภายนอก
แนวทางการรายงาน ฉบับ G4 ได้ตอกย้ำเรื่องสารัตถภาพ (Materiality) ของกระบวนการรายงานและเปิดเผยข้อมูล โดยใช้เกณฑ์ “Report on what really matters and where it matters” ที่เปิดทางให้องค์กรสามารถใช้การรายงานดังกล่าว พัฒนารูปแบบรายงานในรูปแบบใหม่ๆ ให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกลุ่มต่างๆ อาทิ รายงานแบบเบ็ดเสร็จ ตามกรอบแนวทาง Integrated Reporting ของ IIRC ให้แก่นักลงทุนที่คำนึงถึงเรื่องความยั่งยืนและการสร้างมูลค่าในระยะยาว
สำหรับองค์กรที่เพิ่งศึกษาหรือริเริ่มจัดทำรายงานแห่งความยั่งยืนตามแนวทาง GRI ฉบับ G3.1 องค์กรยังสามารถดำเนินการจัดทำรายงานแห่งความยั่งยืนตามกรอบการรายงานฉบับ G3.1 ไปได้อีกสองรอบการรายงาน (จนถึงสิ้นปี พ.ศ.2558) หลังจากนั้น GRI จึงจะยกเลิกแนวทางการรายงานฉบับ G3.1 ที่ใช้อ้างอิงกันอยู่ในปัจจุบัน
ในงานเสวนา ยังได้มีการนำเสนอเนื้อหาและเครื่องมือใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงานแห่งความยั่งยืน สถานการณ์ความเคลื่อนไหวเรื่องความยั่งยืนและการจัดทำรายงานในระดับโลก แนวโน้มของ External Assurance และการปรับปรุงกระบวนการรายงานด้วย GRI Taxonomy โดยทีมงานของสถาบันที่ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมใหญ่และกิจกรรมคู่ขนาน ทั้งใน Plenary Meeting ใน Master Class Training และในช่วง Regional Presentation เพื่อรวบรวมเนื้อหาและข้อมูลสำคัญๆ จากเวทีประชุมที่กรุงอัมสเตอร์ดัม นำมาถ่ายทอดให้แก่ผู้ที่ต้องการรับทราบเนื้อหาและข้อมูลจากงานประชุมดังกล่าว โดยได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเสวนาในครั้งนี้กว่า 200 คน จาก 114 องค์กรและ 4 มหาวิทยาลัย
สถาบันไทยพัฒน์
เป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2542 มุ่งเน้นงานด้านการส่งเสริมความยั่งยืนของกิจการ และการดำเนินความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรธุรกิจ ด้วยการวิจัย การฝึกอบรม และการให้คำปรึกษาด้าน CSR แก่ภาคเอกชน ภายใต้บริบทแห่งความยั่งยืน สถาบันไทยพัฒน์ ได้เข้าเป็นผู้มีส่วนได้เสียภาคองค์กร (Organizational Stakeholder) ของ GRI มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2553
องค์การแห่งความริเริ่มว่าด้วยการรายงานสากล (GRI)
เป็นองค์กรอิสระที่ก่อตั้งโดยสำนักงานโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) และเครือข่าย Ceres ทำหน้าที่พัฒนากรอบการรายงานแห่งความยั่งยืน นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 จนได้กลายมาเป็นมาตรฐานตามความนิยม (de facto standard) สำหรับการรายงานแห่งความยั่งยืน และถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก
ข้อมูลเพิ่มเติม
สถาบันไทยพัฒน์: คุณถลัชนันท์ อารีย์สกุล (ออม)
โทรศัพท์: 0 2930 5227 โทรสาร: 0 2930 5228
อีเมล: info@thaipat.org