กรุงเทพฯ 26 มกราคม 2560 - วันนี้ องค์การยูนิเซฟ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสถาบันไทยพัฒน์นำองค์กรธุรกิจกว่า 40 แห่งพร้อมสมาชิกกว่า 100 คนร่วมหารือถึงการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจในการส่งเสริมสิทธิเด็กในประเทศไทยและการบรรลุเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals (SDGs)
นายอานันท์ ปันยารชุน ทูตองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา The Children Sustainability Forum: Business Action for Children towards SDGs ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้ ว่า “ประชาคมธุรกิจมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เด็กๆ มีชีวิตที่ดีขึ้น และในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัทต่าง ๆ ไม่ว่าจะมีขนาดเล็กใหญ่หรือดำเนินธุรกิจประเภทใดสามารถร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตของเด็ก ๆ ดีขึ้นได้เหมือนกัน”
นายโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ได้กล่าวกับผู้แทนบริษัทต่างๆ ทั้งในภาคเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การก่อสร้าง การท่องเที่ยวและบริการที่มาร่วมหารือในวันนี้ว่า “ทุกภาคส่วน รวมถึงภาคธุรกิจ มีโอกาสและมีความรับผิดชอบในการสร้างหลักประกันว่าเด็กทุกคนต้องได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ การดูแลอย่างเหมาะสม การปกป้องคุ้มครองจากการถูกทำร้ายและถูกแสวงประโยชน์ และเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและปราศจากมลภาวะ”
นายโธมัสกล่าวต่อไปว่า งานในวันนี้ซึ่งจัดร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ ได้ชี้ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและตัวอย่างที่ดีที่บริษัทขนาดใหญ่สามารถทำเพื่อเด็กในประเทศไทยได้ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบริษัทต่างๆ เหล่านี้จะเป็นผู้นำเทรนด์ ตลอดจนช่วยขยายแนวคิดนี้ไปสู่บริษัทในเครือและพันธมิตรคู่ค้าในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่เด็กๆ
การหารือในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อเด็ก” ซึ่งริเริ่มขึ้นเมื่อปี 2558 โดยยูนิเซฟและสถาบันไทยพัฒน์ เพื่อสร้างความตระหนักเรื่องสิทธิเด็กและช่วยพัฒนาขีดความสามารถให้แก่ภาคธุรกิจในการประเมินผลกระทบของธุรกิจที่มีต่อเด็ก จนถึงปัจจุบัน มีเจ้าหน้าที่กว่า 1,800 คนจาก 60 บริษัทเข้าร่วมโครงการ โครงการนี้ยังส่งเสริมให้ภาคธุรกิจเคารพสิทธิเด็กตามหลักปฎิบัติของสหประชาชาติว่าด้วยการดำเนินธุรกิจและสิทธิมนุษยชน ซึ่งสะท้อนอยู่ในหลักการสิทธิเด็กและหลักปฏิบัติทางธุรกิจ (CRBP) โดยกระตุ้นให้ภาคธุรกิจระบุความรับผิดชอบและแนวทางในการส่งเสริมและปกป้องสิทธิเด็ก
คุณเกศรา มัญชูศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังเชื่อมั่นว่า กรอบการปฏิบัติและหลัก 10 ประการด้านสิทธิเด็กสำหรับธุรกิจ ซึ่งริเริ่มโดยยูนิเซฟเป็นเรื่องที่บริษัทและผู้ประกอบการธุรกิจสามารถนำมาใช้เป็นกรอบในการดำเนินงาน อีกทั้งยังสามารถปฏิบัติตามได้โดยไม่ยาก ทั้งในสถานประกอบการ การตลาด และการมีส่วนร่วมกับชุมชน”
ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์ กล่าวว่า จากผลการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทของภาคเอกชนที่มีต่อเรื่องสิทธิเด็กและหลักปฏิบัติทางธุรกิจ พบความท้าทายในหลายด้าน เช่น ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค มักพบข้อท้าทายด้านการตลาดและความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ที่กระทบต่อสิทธิเด็ก ในขณะที่ประเด็นด้านการคุ้มครองสิทธิเด็กถือเป็นเรื่องสำคัญมากในธุรกิจกลุ่มสื่อสารและบริการ “บทบาทการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อเด็ก ควรถูกผนวกเข้าอยู่ในกระบวนงานหลักของธุรกิจ ตั้งแต่บทบาทในสถานประกอบการ บทบาทในตลาด ไปจนถึงบทบาทในชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยไม่สามารถละทิ้งเรื่องสิทธิเด็กไว้ข้างหลัง”
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ณัฐฐา กีนะพันธ์ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย
086 616 7555, nkeenapan@unicef.org
[ข่าวประชาสัมพันธ์]
นายอานันท์ ปันยารชุน ทูตองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา The Children Sustainability Forum: Business Action for Children towards SDGs ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้ ว่า “ประชาคมธุรกิจมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เด็กๆ มีชีวิตที่ดีขึ้น และในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัทต่าง ๆ ไม่ว่าจะมีขนาดเล็กใหญ่หรือดำเนินธุรกิจประเภทใดสามารถร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตของเด็ก ๆ ดีขึ้นได้เหมือนกัน”
นายโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ได้กล่าวกับผู้แทนบริษัทต่างๆ ทั้งในภาคเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การก่อสร้าง การท่องเที่ยวและบริการที่มาร่วมหารือในวันนี้ว่า “ทุกภาคส่วน รวมถึงภาคธุรกิจ มีโอกาสและมีความรับผิดชอบในการสร้างหลักประกันว่าเด็กทุกคนต้องได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ การดูแลอย่างเหมาะสม การปกป้องคุ้มครองจากการถูกทำร้ายและถูกแสวงประโยชน์ และเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและปราศจากมลภาวะ”
นายโธมัสกล่าวต่อไปว่า งานในวันนี้ซึ่งจัดร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ ได้ชี้ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและตัวอย่างที่ดีที่บริษัทขนาดใหญ่สามารถทำเพื่อเด็กในประเทศไทยได้ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบริษัทต่างๆ เหล่านี้จะเป็นผู้นำเทรนด์ ตลอดจนช่วยขยายแนวคิดนี้ไปสู่บริษัทในเครือและพันธมิตรคู่ค้าในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่เด็กๆ
การหารือในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อเด็ก” ซึ่งริเริ่มขึ้นเมื่อปี 2558 โดยยูนิเซฟและสถาบันไทยพัฒน์ เพื่อสร้างความตระหนักเรื่องสิทธิเด็กและช่วยพัฒนาขีดความสามารถให้แก่ภาคธุรกิจในการประเมินผลกระทบของธุรกิจที่มีต่อเด็ก จนถึงปัจจุบัน มีเจ้าหน้าที่กว่า 1,800 คนจาก 60 บริษัทเข้าร่วมโครงการ โครงการนี้ยังส่งเสริมให้ภาคธุรกิจเคารพสิทธิเด็กตามหลักปฎิบัติของสหประชาชาติว่าด้วยการดำเนินธุรกิจและสิทธิมนุษยชน ซึ่งสะท้อนอยู่ในหลักการสิทธิเด็กและหลักปฏิบัติทางธุรกิจ (CRBP) โดยกระตุ้นให้ภาคธุรกิจระบุความรับผิดชอบและแนวทางในการส่งเสริมและปกป้องสิทธิเด็ก
คุณเกศรา มัญชูศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังเชื่อมั่นว่า กรอบการปฏิบัติและหลัก 10 ประการด้านสิทธิเด็กสำหรับธุรกิจ ซึ่งริเริ่มโดยยูนิเซฟเป็นเรื่องที่บริษัทและผู้ประกอบการธุรกิจสามารถนำมาใช้เป็นกรอบในการดำเนินงาน อีกทั้งยังสามารถปฏิบัติตามได้โดยไม่ยาก ทั้งในสถานประกอบการ การตลาด และการมีส่วนร่วมกับชุมชน”
ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์ กล่าวว่า จากผลการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทของภาคเอกชนที่มีต่อเรื่องสิทธิเด็กและหลักปฏิบัติทางธุรกิจ พบความท้าทายในหลายด้าน เช่น ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค มักพบข้อท้าทายด้านการตลาดและความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ที่กระทบต่อสิทธิเด็ก ในขณะที่ประเด็นด้านการคุ้มครองสิทธิเด็กถือเป็นเรื่องสำคัญมากในธุรกิจกลุ่มสื่อสารและบริการ “บทบาทการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อเด็ก ควรถูกผนวกเข้าอยู่ในกระบวนงานหลักของธุรกิจ ตั้งแต่บทบาทในสถานประกอบการ บทบาทในตลาด ไปจนถึงบทบาทในชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยไม่สามารถละทิ้งเรื่องสิทธิเด็กไว้ข้างหลัง”
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ณัฐฐา กีนะพันธ์ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย
086 616 7555, nkeenapan@unicef.org
[ข่าวประชาสัมพันธ์]
No comments:
Post a Comment