Pages

Friday, June 02, 2017

เกณฑ์ในการประเมินหลักทรัพย์ ESG100


การพิจารณาเพื่อคัดเลือกบริษัทจดทะเบียนเข้าในยูนิเวอร์ส ESG100 สถาบันไทยพัฒน์ได้ใช้ข้อมูล ESG ที่บริษัทมีการเปิดเผยต่อสาธารณะ ทั้งที่ปรากฏในรายงานแห่งความยั่งยืน (Sustainability Report) หรือในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1 One Report) รวมทั้งข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนในรายงานประจำปี หรือในรายงานอื่น ๆ โดยไม่ใช้แบบสำรวจข้อมูลหรือแบบสอบถามใด ๆ เพิ่มเติม นับตั้งแต่ปีแรกเริ่มที่ดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2558 มาจวบจนปัจจุบัน

การประเมินหลักทรัพย์ ESG100 จะประกอบด้วยเกณฑ์เบื้องต้นสำหรับการคัดกรอง (Screening Criteria) และเกณฑ์หลักสำหรับการประเมิน (Rating Criteria)

เกณฑ์เบื้องต้นสำหรับการคัดกรอง ประกอบด้วย
ผลการดำเนินงานของบริษัทต้องมีผลประกอบการที่เป็นกำไรติดต่อกันสองรอบปีบัญชีล่าสุด
การปลอดจากการกระทำความผิดโดยที่บริษัทหรือคณะกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต้องไม่ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษหรือเปรียบเทียบปรับในรอบปีประเมิน
การกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ของบริษัทเป็นไปตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด

สถาบันไทยพัฒน์ ใช้การวิเคราะห์ข้อมูล ESG แบบบูรณาการ ผนวกเข้ากับข้อมูลทางการเงิน ที่เรียกว่า Integrated ESG Assessment เพื่อให้สะท้อนผลตอบแทนการลงทุนหรือตัวเลขผลประกอบการที่สัมพันธ์กับการดำเนินงานด้าน ESG ของบริษัท และเป็นการยกระดับจากการวิเคราะห์ข้อมูลด้าน ESG แบบเอกเทศ มาสู่การวิเคราะห์ข้อมูลการดำเนินงานด้าน ESG ที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กับผลประกอบการ ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ผู้ลงทุนในมิติของการลงทุนที่ยั่งยืนว่า บริษัทที่มี ESG ดี จะสามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีด้วย

การประเมิน ESG แบบบูรณาการ

เกณฑ์หลักสำหรับการประเมิน ประกอบด้วย
การพิจารณาประเด็นด้าน ESG ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรม
การพิจารณาวิธีการที่บริษัทใช้ระบุและจัดการกับโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับประเด็นด้าน ESG
การพิจารณาประเด็นด้าน ESG ที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการขององค์กร

ส่วนประเด็นสาระสำคัญ (Material Topics) ด้าน ESG ที่นำมาใช้วิเคราะห์ จะมีความแตกต่างกันในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม

ชุดประเด็นด้าน ESG จำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรม ประกอบด้วย
เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร (Agro & Food Industry)

- การจัดการด้านพลังงานและทรัพยากรน้ำ
- ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- ความปลอดภัยทางอาหาร โภชนาการ และสุขภาพ
- การแสดงฉลากผลิตภัณฑ์และการสื่อสารการตลาด
- ผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมของโซ่อุปทานส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์

สินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products)

- การจัดการด้านพลังงาน
- ความปลอดภัยในตัวผลิตภัณฑ์
- การจำกัดการใช้สารเคมีอันตรายในตัวผลิตภัณฑ์
- ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมตลอดวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์
- นวัตกรรมและการสรรหาวัตถุดิบในการผลิต

ธุรกิจการเงิน (Financials)

- การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล
- การให้ข้อมูลอย่างโปร่งใสและคำแนะนำที่เป็นธรรมแก่ลูกค้า
- การบริหารความเสี่ยงเชิงระบบ
- การบริหารสภาพแวดล้อมทางกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
- การผนวกปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ

สินค้าอุตสาหกรรม (Industrials)

- การจัดการด้านพลังงาน น้ำ มลอากาศ และของเสีย
- ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- ความปลอดภัยในตัวผลิตภัณฑ์
- การจัดการด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสถานการณ์ฉุกเฉิน
- การสรรหาวัสดุ

อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (Property & Construction)

- ผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อการพัฒนาโครงการ
- การใช้ที่ดินและผลกระทบทางนิเวศ
- การจัดการด้านพลังงาน น้ำ และของเสีย
- ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
- จริยธรรม และความโปร่งใสในการให้บริการ

ทรัพยากร (Resources)

- ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- การจัดการมลอากาศ น้ำทิ้ง และของเสียอันตราย
- การจัดการผลกระทบทางนิเวศ และชุมชน
- การเตรียมความพร้อมและแผนเผชิญเหตุฉุกเฉิน/ภัยพิบัติ
- การบริหารสภาพแวดล้อมทางกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง

บริการ (Services)

- ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน น้ำ และการจัดการของเสีย
- การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- การจัดการด้านความปลอดภัยและอุบัติภัย
- การต้านทุจริตและติดสินบน
- การบริหารคุณภาพในโซ่อุปทาน

เทคโนโลยี (Technology)

- ฟุตพริ้นท์ทางสิ่งแวดล้อม
- การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล
- การพัฒนาทักษะและฝีมือแรงงาน
- พฤติกรรมการแข่งขันและการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
- การสรรหาวัสดุ การจัดการโซ่อุปทาน และซากผลิตภัณฑ์


No comments:

Post a Comment