กิจการในไทยเจ๋ง ติดท็อปเทนโลก ด้านรายงานข้อมูลความยั่งยืน - SDGs
สถาบันไทยพัฒน์ เผยสถิติการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน (Sustainability Data) ขององค์กรธุรกิจในไทย ที่อ้างอิงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs (Sustainable Development Goals) อยู่ในอันดับ 5 และเป็นรายงานที่จัดทำตามกรอบการรายงานสากล GRI (Global Reporting Initiative) ติดอันดับ 9 ของโลก
ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธานสถาบันไทยพัฒน์ กล่าวว่าความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียในข้อมูลกิจการที่ต้องการมากกว่าตัวเลขผลประกอบการ ครอบคลุมถึงการดำเนินงานที่มิใช่ตัวเลขทางการเงิน มีทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้การเปิดเผยข้อมูลในรูปของรายงานด้านความยั่งยืนที่จัดทำตามแนวทาง GRI ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา (ค.ศ.1999-2016) เพิ่มจำนวนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
จากตัวเลขในฐานข้อมูล GRI Sustainability Disclosure Database (SDD) ซึ่งเป็นแหล่งรวมข้อมูลรายงานแห่งความยั่งยืนของกิจการทั่วโลก มีองค์กรที่เปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนจำนวน 13,893 แห่ง ผ่านรายงานรวมทั้งสิ้น 54,776 ฉบับ ในจำนวนนี้ เป็นรายงานที่จัดทำตามแนวทาง GRI จำนวน 32,700 ฉบับ หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของรายงานที่เปิดเผยผ่านฐานข้อมูล SDD ทั้งหมด และมี 237 องค์กรในประเทศไทย ที่เปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน ผ่านรายงานรวมทั้งสิ้น 635 ฉบับ (ข้อมูล ณ วันที่ 17 มิถุนายน 2562)
โดยนับจากที่สถาบันไทยพัฒน์ ได้เข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนด้านข้อมูล (Data Partner) กับ GRI เมื่อปี พ.ศ.2559 ได้มีการปรับปรุงข้อมูลในหมวดที่เป็นการตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG Target 12.6 - Country Tracker โดยจากเดิมประเทศไทยมีรายงานที่เปิดเผยเพียง 41 เล่ม ในรอบการรายงานปี 2558 เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 108 เล่ม ในรอบการรายงานปี 2559 (หรือเพิ่มขึ้น 1.6 เท่า) และมาเป็นจำนวน 120 เล่ม ในรอบการรายงานปี 2560 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 11)
ทำให้ปัจจุบัน ประเทศไทย มีตัวเลขการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนที่อ้างอิงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มากเป็นอันดับ 5 ของโลก
ขณะเดียวกัน การเปิดเผยข้อมูลในรูปของรายงานด้านความยั่งยืนที่จัดทำตามแนวทาง GRI ในประเทศไทย มีตัวเลขอยู่ในอันดับที่ 9 ของโลก
เมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทยมีจำนวนองค์กรที่มีการเปิดเผยข้อมูลมากสุด อยู่ที่ 237 แห่ง ขณะที่มาเลเซียมี 156 แห่ง อินโดนีเซีย 155 แห่ง สิงคโปร์ 151 แห่ง ตามมาด้วย เวียดนาม 98 แห่ง ฟิลิปปินส์ 65 แห่ง กัมพูชา 16 แห่ง และเมียนมา 3 แห่ง ตามลำดับ
ปี พ.ศ.2562 นี้ สถาบันไทยพัฒน์ ในฐานะ GRI Data Partner จึงได้จัดตั้งเครือข่ายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในชื่อว่า “Sustainability Disclosure Community” ขึ้น เพื่อต้องการขับเน้นและรักษาบทบาทการเป็นผู้นำของภาคเอกชนไทย ต่อการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนทั้งในประชาคมระดับภูมิภาคและระดับสากล รวมทั้งใช้เป็นพื้นที่การเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ด้านการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนระหว่างองค์กรสมาชิก เพื่อช่วยยกระดับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนในภาพรวมของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
องค์กรธุรกิจสามารถเข้าร่วมมีบทบาทในการเป็นผู้นำความยั่งยืนในด้านการเปิดเผยข้อมูล ด้วยการเป็นสมาชิก Sustainability Disclosure Community (ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ) โดยสิทธิประโยชน์ที่องค์กรสมาชิกจะได้รับ ได้แก่
● | ได้ร่วมตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG Target 12.6 |
● | ได้เผยแพร่ข้อมูลความยั่งยืนองค์กรใน Global Sustainability Disclosure Database ของ GRI |
● | ได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างองค์กรสมาชิกผ่าน Webinar ตลอดปี |
● | ได้รับการประเมินสถานะเพื่อพิจารณารับ Sustainability Disclosure Award ประจำปี |
ปัจจุบัน มีองค์กรธุรกิจที่เข้าร่วมเครือข่าย Sustainability Disclosure Community แล้วจำนวน 96 แห่ง
จุดเปลี่ยนธุรกิจไทย ใส่ใจข้อมูลความยั่งยืน
ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ บอกว่าการที่สถาบันไทยพัฒน์ เข้าเป็นหุ้นส่วนด้านข้อมูล หรือ Data Partner กับ GRI ในปี พ.ศ.2559 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้มีการปรับปรุงฐานข้อมูลในส่วนที่เป็นจำนวนรายงานแห่งความยั่งยืนที่องค์กรธุรกิจไทยเผยแพร่อยู่แล้วเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว และเป็นปัจจัยสำคัญที่ประเทศไทยได้เลื่อนลำดับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนที่อ้างอิงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs มาอยู่ในอันดับ 5 ของโลก และลำดับการเปิดเผยข้อมูลในรูปของรายงานด้านความยั่งยืนที่จัดทำตามแนวทาง GRI มาอยู่ในอันดับที่ 9 ของโลก
"สิ่งที่ท้าทายจากนี้ไป คือ การรักษาระดับความเป็นผู้นำ โดยเฉพาะในประเทศสมาชิกอาเซียน ที่ประเทศไทยมีจำนวนองค์กรที่มีการเปิดเผยข้อมูลมากสุดเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาค การที่สถาบันไทยพัฒน์ ได้ริเริ่มจัดตั้งเครือข่าย Sustainability Disclosure Community ถือเป็นความเคลื่อนไหวทางกลยุทธ์ที่สำคัญ ในอันที่จะรวบรวมและเพิ่มจำนวนองค์กรที่เปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนในฐานข้อมูล GRI Sustainability Disclosure Database ซึ่งจะได้ประโยชน์ทั้งในระดับส่วนรวมในนามของประเทศไทยที่มีชื่อติดอันดับในเวทีโลก และในระดับองค์กรที่สามารถยกระดับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนตามกรอบการรายงานที่สากลยอมรับ"
[Original Link]